การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งมิติ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและส่งมอบสินค้า และบริการที่ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้าไปพร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกฝ่าย

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจทั้งภายในและภายนอกองค์กร และทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากกระบวนการจัดหาที่ดิน กระบวนการออกแบบโครงการ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง กระบวนการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ รวมถึงกระบวนการบริหารโครงการนิติบุคคลที่บริษัทฯให้บริการ เพื่อให้มั่นใจว่าในทุกกระบวนการมีการบริหารและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม มีส่วนร่วมในการดำเนินงานจัดการเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2044 ที่ตั้งใจไว้ โดยเริ่มตั้งแต่มุ่งส่งเสริมให้ความรู้ สร้างความตระหนักในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้กับบุคลากรในองค์กร และให้ความสำคัญในการดำเนินงานและบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน ของเสีย รวมไปถึงสภาพภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร ตลอดจนจัดตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ให้มีหน้าที่ในการดูแลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ฯ และบรรลุตามความมุ่งหมายที่ตั้งไว้

เป้าหมายการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม

จากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในทุกกระบวนการได้ให้ความสำคัญในการดำเนินงานตามข้อกำหนดของกฎหมาย รวมถึงแนวปฏิบัติ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินงานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ซึ่งบริษัทฯได้รับความร่วมมือจากทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมมือกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้บรรลุตามเจตจำนงค์ในเป้าหมายมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เป็น ศูนย์ ในปี 2587 โดยได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท ดังนี้

ตัวชี้วัด เป้าหมายปี 2567 ผลการดำเนินงานปี 2566
การจัดการพลังงาน (scope 1,2) ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีฐาน เพิ่มขึ้น 11 %
การจัดการไฟฟ้า ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าขององค์กรทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานขาย ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีฐาน เพิ่มขึ้น 4.9 %
การจัดการน้ำ ลดปริมาณการใช้น้ำประปาขององค์กรทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานขาย ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีฐาน ลดลง 5 %
การจัดการขยะ นำวัสดุก่อสร้างไป รีไซเคิลอย่างน้อยร้อยละ 5 ของจำนวนวัสดุก่อสร้างในโครงการ เริ่มเก็บข้อมูลปี 2567
ลดปริมาณขยะในสำนักงานใหญ่ ร้อยละ 25 ลดลง 20% จากปี 2565
การลดมลพิษทางอากาศ ควบคุมคุณภาพเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างในโครงการให้อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ไม่เกิน 0.05 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและจำนวนครั้งที่ปล่อยมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐาน เป็นศูนย์ เริ่มเก็บข้อมูลปี 2567
การใช้พลังงานทดแทน ติดตั้ง solar rooftop
- 100% ของโครงการ low rise ที่ก่อสร้างเสร็จในปีและมีพื้นที่ในการติดตั้ง
- 70% ของสำนักงานขายที่สร้างใหม่
โครงการที่อยู่อาศัย 1 โครงการ
- ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท 105 สำนักงานขาย 1 โครงการ
- ออริจิ้น เพลย์ ศรีลาซาล สเตชั่น
ติดตั้ง EV Charger 100% ในทุกโครงการสร้างเสร็จในปี 100%
ลดปริมาณฝุ่นในโครงการก่อสร้าง ทุกโครงการ ทุกโครงการ

"ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ระหว่างการดำเนินการทวนสอบโดย บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด"

แนวปฏิบัติการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน ของเสีย และสภาพแวดล้อม

  • ดำเนินการและบริหารจัดการทรัพยากร พลังงาน ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ให้สอดคล้องตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
  • กำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายการบริหารจัดการทรัพยากร พลังงาน ของเสีย การดูแลสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้เหมาะสมกับปริมาณทีใช้ โดยมุ่งเน้นการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรให้เกิดการใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • กำหนดให้การบริหารจัดการทรัพยากร พลังงาน สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อม เป็นหน้าที่รับผิดชอบของผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ทุกระดับ ที่จะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด
  • สร้างความตระหนักรู้เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากร พลังงาน สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อม โดยสื่อสารให้พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความเข้าใจ และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องการดูแล รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • ให้การสนับสนุนที่จำเป็น ตลอดจนจัดสรรบุคลากร งบประมาณ เวลา การฝึกอบรม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อคิดเห็นของพนักงานที่เป็นประโยชน์ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการด้านทรัพยากร พลังงาน สาธารณูปโภค รวมไปถึงการดูแลสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม
  • มุ่งมั่นพัฒนาองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

แนวปฏิบัติการจัดการระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

  • มีแนวทางในการจัดการระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อบังคับ ตรงตามเจตจำนงค์ในการรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
  • มีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และรายงานความเสี่ยงที่เกี่ยวกับระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยกระบวนการที่เหมาะสมก่อน ระหว่าง และหลังการพัฒนาโครงการตามที่กฎหมายกำหนด
  • มีการสำรวจและศึกษาระบบนิเวศวิทยา ดูแล อนุรักษ์พันธุ์ไม้ พันธุ์สัตว์ ในระบบนิเวศบริเวณพื้นที่โดยรอบของการก่อสร้าง และดำเนินการบริหารจัดการตามมาตรการ Mitigation Hierarchy ที่สนับสนุนการหลีกเลี่ยง ลดการเกิด ฟื้นฟูและชดเชย เมื่อดำเนินธุรกิจในบริเวณพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
  • มีการเลือกใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ในการก่อสร้างที่มาจากแหล่งผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มาจากพื้นที่ที่มีประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และลดการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก
  • จัดให้มีมาตรการดูแลการจัดการสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ
  • ส่งเสริมให้พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียตระหนักถึงผลกระทบด้านนิเวศวิทยา และความหลากหลายทางชีวภาพจากการดำเนินธุรกิจ และปลูกจิตสำนึกให้พนักงานมีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบในขอบเขตที่พึงกระทำได้
  • เปิดเผย และสื่อสารเรื่องการจัดการระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมาตรการปฏิบัติ ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงสื่อสารช่องทางการแจ้งเบาะแสและการร้องเรียนให้กับชุมชน และสังคมอย่างชัดเจน ในกรณีพบเห็นการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดการทำลายระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

แนวปฏิบัติการดูแลและการพัฒนาสังคม

  • มุ่งมั่นประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
  • สนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน และสังคม ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
  • ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
  • สนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ

พลังงานไฟฟ้าเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อลดการใช้พลังงานในองค์กร และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ทีมพัฒนาโครงการและผลิตภัณฑ์จึงได้ออกแบบโครงการให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม โดยพึ่งพาแสงและลมจากธรรมชาติในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และเลือกใช้วัสดุทดแทนพลังงาน เพื่อส่งเสริมการประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงมีการรณรงค์การประหยัดไฟฟ้าภายในสำนักงานใหญ่ และสำนักงานขาย เพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น มีการวางแผนการเดินสายไฟ เพื่อติดตั้งจุดเปิด ปิดไฟ ของแต่ละแผนกเพื่อควบคุมปริมาณการใช้ไฟให้เหมาะสม เมื่อเลิกงาน พนักงานจะดูแลการปิดไฟของแผนกตน เป็นการสร้างจิตสำนึกในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานให้แก่พนักงาน

ในปี 2566 บริษัทฯ มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งในสำนักงานใหญ่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และ สำนักงานขายที่เปิดบริการในปี จำนวน 40 แห่ง

บริษัทฯ บริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบไฟแสงสว่าง และระบบปรับอากาศ โดยติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2566 บริษัทฯ ใช้พลังงานไฟฟ้ารวม 10,276,764.06 กิโลวัตต์/ชั่วโมง

"ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ระหว่างการดำเนินการทวนสอบโดย บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด"

หน่วยธุรกิจ ปี 2566
ปริมาณการใช้ไฟฟ้า
(กิโลวัตต์/ชั่วโมง/ปี)
ร้อยละ
ของการใช้พลังงานทั้งหมด
สำนักงานใหญ่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 168,263.00 1.64%
สำนักงานขาย 40 โครงการ 10,108,501.06 98.36%
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 10,276,764.06 100%
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ปริมาณไฟฟ้า (กิโลวัตต์ kWh)
ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566
พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 3,029,193.20
kWh
7,628,930.78
kWh
10,276,764.06
kWh

ทั้งนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานไฟฟ้าให้เกิดการใช้อย่างคุ้มค่าในทุกกระบวนการธุรกิจขององค์กร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ โดยผ่านทั้งกระบวนการให้ความรู้ ความเข้าใจ แคมเปญรณรงค์ต่าง ๆ ที่ให้พนักงานร่วมกิจกรรม รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า

ประชาสัมพันธ์สื่อ รณรงค์ การประหยัดพลังงานและลดการใช้ทรัพยากรให้ทราบทั่วกันอย่างต่อเนื่อง

โครงการอาคารประหยัดพลังงาน

โครงการ วัน ออริจิ้น สนามเป้า ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบโครงการ ตามเกณฑ์ Leadership in Energy & Environmental Design (LEED) Gold certificated ทั้งด้านการออกแบบส่วนพื้นที่สีเขียวด้านหน้าโครงการอย่างเหมาะสม เพื่อลดค่าความร้อนของพื้นถนนคอนกรีต และลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร ภายในตัวอาคารมีการกระจายพื้นที่สีเขียวให้ครอบคลุมในส่วนพื้นที่ต่าง ๆ ของอาคาร

รวมถึงมีการออกแบบพื้นที่ช่องเปิดของอาคารให้มีขนาดเพียงพอให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร ช่วยลดความร้อนที่เกินความจำเป็น ช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคาร มีการคำนึงถึงการลดมลพิษของพื้นที่จอดรถของโครงการ โดยการออกแบบที่จอดรถอัตโนมัติในส่วนพื้นที่เหนือพื้นดิน โครงการยังมีการใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นวัสดุที่มีค่าสะท้อนแสงน้อย เพื่อเป็นมิตรกับชุมชนรอบโครงการ

ใช้พลังงานทดแทน ติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ รูฟท็อป) โดยในปี

2566 บริษัทฯ ได้เริ่มติดตั้ง solar looptop ที่สำนักงานขายโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถติดตั้งได้โดยดูจากความเหมาะสมของพื้นที่และบริเวณข้างเคียง การก่อสร้างรอบ ๆ โครงการ รวมถึงประสิทธิภาพในการรับแสงที่เพียงพอ

ซึ่งในปี ได้มีโครงการนำร่องในการติดตั้งที่เหมาะสม คือ สำนักงานขายโครงการออริจิ้น เพลย์ ศรีลาซาล สเตชั่น และ คอนโดมิเนียมโครงการดิ ออริจิ้น สุขุมวิท 105 จากการติดตั้งสามารถประหยัดไฟได้ 26,994 MWH คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลง 157,963.28 บาท เท่ากับลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 67.04 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีเป้าหมายจะทำการติดตั้งและใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน

อย่างไรก็ตามในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นและเป้าหมายในการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงให้ได้ร้อยละ 10 จากปริมาณการใช้ไฟทั้งหมด โดยการสร้างจิตสำนึก ปลูกฝังและรณรงค์ให้กับคนในองค์กรให้ช่วยกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายในการบริหารจัดการน้ำ โดยการลดปริมาณการใช้น้ำต่อตารางเมตร ร้อยละ 5 ภายในปี 2566 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวครอบคลุมการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และสำนักงานขายที่เปิดบริการ ในปี 2566 จำนวน 40 แห่ง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการใช้น้ำประปารวม 141,735 ลูกบาศก์เมตร

หน่วยธุรกิจ 2566
ปริมาณการใช้น้ำ
(ลูกบาศก์เมตร/ปี)
ร้อยละ
ของการใช้น้ำทั้งหมด
สำนักงานใหญ่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 154 0.11%
สำนักงานขาย 40 โครงการ 141,581 99.89%
ปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด 141,735 100%
ปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด ปริมาณการใช้น้ำ
(ลูกบาศก์เมตร/ปี)
ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566
การใช้น้ำทั้งหมด 192,672.54
m3
136,010
m3
141,735
m3

บริษัทฯให้ความสำคัญในการจัดการน้ำ ให้มีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ มีการรณรงค์ สร้างความตระหนักของพนักงานในการใช้น้ำอย่างประหยัดภายในองค์กร และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจจะก่อให้เกิดการใช้น้ำเกินความจำเป็น รวมถึงมีการตรวจสอบการรั่วซึมของอุปกรณ์และสุขภัณฑ์ภายในสำนักงานอยู่เป็นประจำโดยช่างอาคาร และช่องทางในการแจ้งเหตุหากพบการรั่วซึมของน้ำเพื่อมีการแก้ไขจัดการอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคำนึงถึงปริมาณ และผลกระทบที่มีต่อชุมชน โดยลดปริมาณการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับในโครงการที่มีผู้พักอาศัย บริษัทฯจะทำการการติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ หรือมีอุปกรณ์ควบคุมการเปิด ปิดน้ำอัตโนมัติให้แก่สุขภัณฑ์ภายในโครงการ เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ชุดสุขภัณฑ์สำหรับอ่างล้างหน้า ล้างมือประหยัดน้ำประเภท Wash Basin Faucets 4.8L เป็นสุขภัณฑ์ที่ใช้น้ำเพียงแค่ 4.8ลิตร/นาที ในขณะที่สุขภัณฑ์น้ำทั่วไปจะใช้น้ำ 6ลิตร/นาที ซึ่งสามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าสุขภัณฑ์ทั่วไปถึง 1.2 ลิตร/นาที หรือคิดเป็น 20% อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถควบคุมการปนเปื้อนจากสารพิษโลหะหนัก (ตะกั่ว แคดเมียม ทองแดง สังกะสี) ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสุขภัณฑ์ประเภทนี้ช่วยบริหารจัดการเรื่องการใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการนำไปใช้ในทุกโครงการก่อสร้างในปี 2566

การจัดการน้ำในโครงการก่อสร้าง

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำในโครงการก่อสร้างในทุกกระบวนการเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยได้มีการกำหนดนโยบายให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง และนิติบุคคลต้องจัดระบบจัดการบำบัดน้ำเสีย ควบคุมและตรวจคุณภาพก่อนปล่อยสู่สาธารณะตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีหลักการดำเนินงาน ดังนี้

1.จัดทำระบบระบายน้ำและระบบบำบัดชั่วคราวในโครงการ ก่อนปล่อยน้ำออกสู่รางส่งน้ำสาธารณะ น้ำที่มีการใช้ในโครงการจะต้องมีการผ่านระบบบำบัดชั่วคราวของโครงการ ประกอบไปด้วยบ่อตะกอน บ่อดักขยะ บ่อพักน้ำ รางระบายน้ำชั่วคราว และการขุดลอกท่อสาธารณะ โดยได้มีการนำระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อเติมอากาศ เข้ามาใช้ ที่สามารถช่วยลดปริมาณความสกปรกของน้ำเสียในรูปของค่าบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand; BOD) ได้ถึงร้อยละ 80-95 โดยมีเครื่องเติมอากาศซึ่งนอกจากจะทำหน้าเพิ่มออกซิเจนในน้ำแล้วยังทำให้เกิดการกวนผสมของน้ำในบ่อ ทำให้เกิดการย่อยสลายสารอินทรีย์ได้อย่างทั่วถึงภายในบ่อ เพื่อบำบัดน้ำไม่ให้กระทบกับคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำบริเวณใกล้กับโครงการและมีการบำบัดที่ดีก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกให้ได้มากที่สุด

2.จัดทำระบบสุขาภิบาลภายในโครงการอย่างถูกสุขลักษณะ โดยมีการจัดทำห้องน้ำให้เพียงพอต่อจำนวนของคนงาน แยกชายหญิง พร้อมทั้งจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย เติมจุลินทรีย์ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และจัดให้มีถังดักไขมันและทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

3.การตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในโครงการก่อนปล่อยออกสู่ท่อสาธารณะ จัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำในทุกเดือนๆละครั้ง โดยน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโครงการก่อสร้างจะต้องมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำ เช่น ค่าความเป็นกรด – ด่าง (pH) ปริมาณของแข็งแขวนลอย (SS) ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (TDS) เป็นต้น ซึ่งจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบว่า ผ่านเกณฑ์ทุกโครงการตามมาตรฐานของกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนปล่อยออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ

4.การรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดภายในโครงการ ในโครงการก่อสร้างมีการรณรงค์ให้ทุกคนใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อสร้างจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า

5.การ Reuse น้ำในบ่อพักกลับมาใช้ใหม่ โดยทุกโครงการก่อสร้างของบริษัทฯ จะมีกระบวนการนำน้ำเสียที่ผ่านกระบวนการบำบัดอย่างถูกวิธี นำกลับมาใช้ภายในโครงการใหม่ อาทิเช่น การนำน้ำจากบ่อบำบัดนำไปรดต้นไม้ ล้างพื้นถนนสาธารณะ ฉีดทำความสะอาดล้างล้อรถก่อนออกนอกโครงการ ฉีดพรมน้ำเพื่อป้องกันฝุ่นละอองฟุ้งกระจายภายในพื้นที่โครงการ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้น้ำ และยังเป็นการลดการระบายน้ำจากโครงการสู่ระบบระบายน้ำสาธารณะ หรือในส่วนของตะกอนที่เกิดขึ้นในบ่อพักน้ำจะมีการนำไปปรับพื้นที่ในโครงการ บริษัทฯยังได้เริ่มมีการเก็บวัดผลปริมาณน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ในโครงการต้นแบบ คือ โครงการ ออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น ในการนำน้ำจากบ่อพักน้ำที่มีการบำบัดแล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์ภายในโครงการ ซึ่งจากการเก็บปริมาณน้ำ พบว่าสามารถลดการใช้น้ำได้เฉลี่ย 120–160 หน่วย/เดือน คิดเป็นร้อยละ 10 ของการใช้น้ำทั้งหมดในโครงการ ทางบริษัทฯจึงได้ตั้งเป้าหมายให้ร้อยละ 70 ของโครงการที่มีการก่อสร้างในปี 2567 มีการบริหารจัดการน้ำ นำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดมาหมุนเวียนใช้ภายในโครงการระหว่างการก่อสร้างให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 จากการใช้น้ำทั้งหมดในโครงการ รวมถึงในโครงการอยู่อาศัยที่สร้างเสร็จในปี มีการจัดการกระบวนการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ในโครงการ โดยมีเป้าหมายในโครงการนำร่องให้ได้ 2 โครงการภายในปี

การจัดการขยะภายในสำนักงาน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะ ลดการเกิดขยะภายในสำนักงาน ควบคู่ไปกับการสร้างจิตสำนึกและสร้างความเข้าใจให้กับพนักงานในองค์กรและผู้เกี่ยวข้อง โดยมีการตั้งจุดคัดแยกขยะตามประเภท และส่งต่อขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ไปจัดการอย่างถูกวิธี

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆเพื่อสร้างจิตสำนึก รณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงการแยกขยะ ลดการใช้พลาสติก อาทิ ขวดน้ำดื่ม ถุงพลาสติกเพื่อลดปริมาณขยะ รวมถึงส่งต่อสิ่งของต่าง ๆที่ไม่ใช้ไปยังกลุ่มคนที่ขาดแคลนเพื่อช่วยเหลือสังคมและยังเป็นการลดจำนวนขยะได้อีกด้วย

กิจกรรมเด่นด้านสิ่งแวดล้อมในด้านการจัดการขยะ ปี 2566

Origin Give แยกขยะให้โลกน่าอยู่

การประชาสัมพันธ์ข้อมูลในด้านปริมาณการทิ้งขยะในแต่ละเดือนให้พนักงานได้รับทราบ พร้อมทั้งระบุเป้าหมายในเดือนถัดไปว่าต้องการลดปริมาณขยะลงกี่กิโลกรัม การตั้งจุดคัดแยกขยะ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้พนักงานให้สามารถแยกขยะได้อย่างถูกวิธีเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2566 บริษัทมีการตรวจวัดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นภายในสำนักงานใหญ่ พบว่า มีขยะรวม 24,685.50 กิโลกรัม แยกได้เป็นขยะทั่วไป จำนวน 20,068.00 กิโลกรัม และมีขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 4,617.50 กิโลกรัม เท่ากับลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 6,002.75 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดลงจากปีก่อนถึง 20% โดยบริษัทฯ ยังคงมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนปริมาณขยะ ของเสีย และขยะมูลฝอย ภายในสำนักงานลงให้ได้ร้อยละ 25 ภายในปี 2567 จากปีฐาน (2565)

ปริมาณขยะ ปี 2565 (เฉลี่ย/เดือน) ปี 2566 (เฉลี่ย/เดือน)
ขยะรวม (kg.) 2,635.26 2,057.13
ขยะทั่วไป (kg.) 2,074.4 1,672.33
ขยะรีไซเคิล (kg.) 560.86 384.79

การลดขวดน้ำพลาสติกภายในสำนักงานด้วยการเพิ่มจุดติดตั้งน้ำดื่มตามจุดต่าง ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการ เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้พนักงานใช้แก้วน้ำซ้ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพนักงานในการพกแก้วมาใช้เองแทนการดื่มจากขวดน้ำดื่มทั่วไปเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าปีก่อน โดยค่าเฉลี่ย 1 เดือน พนักงานมีการบริโภคน้ำดื่มจากตู้กดน้ำจำนวน 1,058.4 ลิตร/เดือน (ปี 2565 เฉลี่ย 380 ลิตร/เดือน) หากเปรียบเทียบกับขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร จะเท่ากับลดการดื่มน้ำจากขวด ได้ถึง 705.6 ขวด/เดือน หรือเทียบเท่า 8,467 ขวด/ปี

กิจกรรม Origin Green Day…Green Market

วัตถุประสงค์กิจกรรม

  • ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อปลูกฝังพนักงานลดการใช้พลาสติกภายในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก ให้เกิดขยะพลาสติกน้อยที่สุด
  • ช่วยเหลือสังคม หรือผู้ที่ขาดแคลนในการส่งต่อสิ่งที่ไม่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น (เก่าของเรา ใหม่ของเขา) และเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานสิ่งของต่าง ๆให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ถือเป็นการลดปริมาณขยะได้
  • สร้างได้รายได้ให้กับพนักงาน หรือคนในครอบครัว ในการเปิดตลาดขายของ Green Market สำหรับพนักงานให้มีรายได้เสริม จากการนำของมาขาย ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สิ่งของ หรือเสื้อผ้ามือสอง รวมถึงให้เกิดปฏิสัมพันธ์ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในองค์กร

ส่งต่อขวดน้ำดื่มให้กับทาง มือวิเศษ กรุงเทพมหานคร เพื่อจัดทำชุด PPE สะท้อนแสงให้กับพนักงานเก็บขยะ จำนวน 1,000 ขวด (เสื้อ 1 ตัว ใช้ขวดในการผลิตประมาณ 42 ขวด) ระยะเวลากิจกรรม 2 เดือน

ส่งต่อสิ่งของทั้งภายในสำนักงานและส่วนตัว รวมถึงเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ แล้ว แต่ยังสภาพดีให้กับผู้ที่ขาดแคลน ผ่านมูลนิธิกระจกเงา

โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือ จากทั้งพนักงานออริจิ้นและลูกบ้าน 2 โครงการ คือ THE ORIGIN RAM 209 INTERCHANGE และ THE ORIGIN ONNUT มาร่วมส่งต่อสิ่งของร่วมกัน กว่า 400 ชิ้น

Green market ตลาดนัดชาวออริจิ้น เปิดโอกาสให้พนักงานได้มาแบ่งปัน หรือแนะนำธุรกิจเสริมของตนเองหรือครอบครัวเพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยภายในงานจะงดใช้ถุงพลาสติก หรือใช้ให้น้อยที่สุด รวมถึงร้านค้าที่นำสินค้ามาขาย ภาชนะที่ใส่ หรือบรรจุภัณฑ์ เน้นให้เป็นวัสดุธรรมชาติหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ให้พนักงานใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก รวมถึงมีจุดตั้งแยกขยะภายในงานเพื่อให้พนักงานแยกขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มี พนักงานสนใจนำของมาขายมากกว่า 20 ร้านค้าต่อครั้ง และผู้ร่วมงานมากกว่า 100 คน

โครงการ คนไทยไร้ E-Waste (HUB of E-waste)

ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการกับทาง AIS เพื่อแสดงเจตจำนงในการให้ความสำคัญในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้สารประกอบที่เป็นอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์หลุดรอดออกไปสู่สิ่งแวดล้อม

นอกจากกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้กับพนักงานตระหนักในการแยกขยะ และลดสร้างขยะที่ไม่ก่อประโยชน์แล้ว ยังมีการประชาสัมพันธ์ สร้างสื่อความรู้เผยแพร่ในองค์กร เพื่อเป็นการปลูกฝังพนักงานอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

นอกจากบริษัทฯให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการขยะภายในสำนักงานแล้ว โครงการที่อยู่อาศัยที่ส่งมอบต่อให้ลูกค้า ทางบริษัทฯ ยังจัดให้มีถังขยะแยกตามประเภทขยะในทุกโครงการที่อยู่อาศัยและเพียงพอต่อการใช้งานจัดอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม และอากาศถ่ายเท พร้อมทั้งรณรงค์ให้มีการแยกขยะก่อนทิ้ง โดยในปี 2567 ทางบริษัทฯมีเป้าหมายในการจัดทำโครงการแยกขยะให้กับลูกบ้านโครงการร่วมกับทางนิติบุคคลเพื่อเป็นการปลูกฝังในเรื่องของการแยกขยะ ลดปริมาณขยะ และสร้างความตระหนักในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมและช่วยให้โครงการน่าอยู่มากขึ้น

รวมถึงยังต่อยอดไปยังการจัดกิจกรรมต่าง ๆเพื่อลูกบ้าน ทางออริจิ้นเองยังให้ความสำคัญในเรื่องของ zero waste รักษ์โลก ผ่านทุกกระบวนการของการจัดงานและสิ่งของที่ใช้ภายในงาน

กิจกรรม Origin Save the World Run งานวิ่งรักษ์โลก ณ สวนหลวง ร.9 มีผู้ร่วมงาน ทั้งสิ้นกว่า 2,000 คน จุดประสงค์ในการจัดงานเพื่อส่งเสริมสุขภาพและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันให้กับพนักงาน คู่ค้า พนักงานและบุคคลทั่วไปได้มีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น รวมทั้งสร้างสังคมสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมวัสดุรีไซเคิล ให้สามารถนำกลับมาใช้หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์มากมาย ลดปริมาณขยะและพลาสติก และที่สำคัญช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนไปด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้จากการจัดงาน คือ

  • ลดปริมาณขยะพลาสติก หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ โดยการนำมาทำเสื้อ และกระเป๋าผ้า Race Kit สำหรับใส่อุปกรณ์การวิ่ง ได้ถึง 60,000 ขวด
  • เหรียญรางวัลจากเศษไม้และขยะใต้ทะเลนำมาอัดเป็นแผ่นรีไซเคิล จำนวน 2,000 ชิ้น
  • อาหารที่เหลือภายในงาน ส่งต่อให้ 2 ชุมชน คือ ชุมชนเฟื่องฟ้า และชุมชนอ่อนนุช ผ่านทาง มูลนิธิเอสโอเอส ซึ่งเป็นมูลนิธิกู้ภัยอาหารแห่งแรกของประเทศไทย มีภารกิจคือการส่งเสริมระบบการกระจายอาหารเพื่อลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น และสร้างความเท่าเทียมให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนโดยแจกจ่ายอาหารส่วนเกินคุณภาพสูงไปยังชุมชนที่ขาดแคลนต่างๆ ส่วนเศษอาหารที่เหลือทิ้งภายในงาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 46 กิโลกรัม ได้ถูกส่งต่อนำไปทำปุ๋ยหมัก ที่ศูนย์การจัดการขยะเศษอาหารพระราม 9 ซึ่งลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 21.39 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สามารถนำมาหมักเป็นปุ๋ยคุณภาพได้ถึง 92 กิโลกรัม
  • ใช้ภาชนะกระดาษที่ย่อยสลายได้ และช้อนสแตนเลสสำหรับรับประทานอาหาร เมื่อนักวิ่งใช้เสร็จแล้ว จะนำมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปใส่กล่องบริจาค เพื่อนำส่งต่อให้กับวัดและชุมชนต่อไป

การบริหารจัดการของเสียและมลพิษในโครงการก่อสร้าง

บริษัทฯ มีการจัดการขยะและของเสียในกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นระบบตามหลักการ 3R (Reduce Reuse Recycle) และมีระบบการคัดแยกขยะตามประเภทที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีมาตรการและแนวปฏิบัติในทุกโครงการก่อสร้าง ดังนี้

1.มีการประกาศมาตรการ แนวทางการจัดการขยะภายในโครงการให้กับผู้รับเหมา และมีการติดตามผลในการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้หน่วยงานความปลอดภัยสุ่มตรวจเช็คการปฏิบัติตามมาตรการที่บริษัทฯ กำหนดอย่างสม่ำเสมอ

2. มีการกำหนดจุดติดตั้ง จุดรวบรวมขยะและเศษวัสดุก่อสร้างในโครงการอย่างชัดเจน เป็นระเบียบ มีฝาปิดมิดชิดในพื้นที่ที่เหมาะสม และมีการคัดแยกขยะตามประเภทวัสดุ และนำไปรีไซเคิล เพื่อลดของเสียในโครงการ โดยมีแนวความคิดและเป้าหมายในปี 2567 จะนำวัสดุก่อสร้างไปรีไซเคิลอย่างน้อยร้อยละ 5 ของจำนวนวัสดุก่อสร้างในโครงการทั้งหมด

3.จัดทำจุดรวบรวมขยะบนอาคารทุกชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการคัดแยกและขนย้าย

4.จัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์การคัดแยกขยะภายในโครงการและจัดให้มีการอบรมเรื่องการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและขยะก่อสร้าง บริหารเวลาในการจัดเก็บ เพื่อให้พนักงานทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ

5.ร่วมมือกับผู้รับเหมานำแนวคิดในการใช้ชิ้นส่วนวัสดุสำเร็จรูป และนำชิ้นส่วนที่ประกอบสำเร็จจากโรงงานผู้ผลิตนำมาใช้ในโครงการ ตัวอย่างเช่น ราวระเบียงเหล็กสำเร็จรูป ซึ่งสามารถช่วยลดเวลา การตัดเจียร์ การเชื่อมเหล็ก ฝุ่น รวมถึงการลดขยะที่จะเกิดขึ้นได้ และในส่วนขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้จะให้งผู้รับเหมาบริหารจัดการ กำจัดหรือ นำออกจากพื้นที่ทั้งหมดเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ

6.จัดให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการดำเนินงานจัดเก็บขยะมูลฝอยตกค้างทุกวัน

7.การจัดการขยะภายในบ้านคนงาน ให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการคัดแยกและความสะอาดบริเวณรอบ ๆบ้านพัก

8.มีการจัดทำตารางปริมาณขยะ และติดตามผลในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง

9.การจัดการของเสียจากงานก่อสร้าง เช่น เศษเหล็ก เศษไม้ เศษปูนที่เหลือจากงานก่อสร้างบางส่วนนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ นำมาทำเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่ใช้ภายในโครงการก่อสร้าง หรือทำกระถางต้นไม้จากขวดเหลือใช้นำมาตกแต่งภายในโครงการก่อสร้าง การนำคอนกรีตที่เหลือใช้เปลี่ยนเป็นสิ่งของ เช่น ทำขอบกั้นทางเท้า ขอบกั้นที่จอดรถในโครงการ อีกทั้งยังได้จัดทำม้านั่งส่งต่อให้กับชุมชนและโรงเรียนในระยะใกล้เคียงโครงการ ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ดังกล่าว ผ่านโครงการ CSR พัฒนาโรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการที่ทำร่วมกับทางผู้รับเหมา ในการช่วยเหลือสังคม โดยในปีที่ผ่านมาได้ส่งต่อให้กับ 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนคลองบางปิ้ง จ.สมุทรปราการ มอบโต๊ะ เก้าอี้ จำนวน 10 ชุด โรงเรียนโรงเรียนชุมชนวัดไทรม้า จ.นนทบุรี มอบเก้าอี้ จำนวน 7 ตัว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใกล้เคียงโครงการของทางบริษัทฯ ที่ได้มีการก่อสร้างอยู่

รวมถึงในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้วางแผนนำแนวคิดเรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในโครงการก่อสร้าง แนวคิดที่สนับสนุนในการใช้สิ่งของหรือทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด มีการวางแผนให้สิ่งของที่เราใช้สามารถคืนสู่สภาพเดิมหรือพร้อมนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดการเกิดของเสีย สนับสนุนการจัดการขยะ และนำทรัพยากรมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ หรือนำวัสดุที่ผ่านการผลิตซ้ำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยในปี 2567 มีเป้าหมายในเรื่องของการจัดการขยะในโครงการก่อสร้างให้เกิดขยะน้อยที่สุด ให้เกิดการหมุนเวียนใช้ซ้ำให้มากที่สุด หรือเพื่อนำมารีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ โดยกำหนดให้นำวัสดุก่อสร้างไปรีไซเคิลอย่างน้อย ร้อยละ 5 ของจำนวนวัสดุก่อสร้างในโครงการ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก โดยพบว่ากิจกรรมของการดำเนินธุรกิจที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ การใช้ไฟฟ้าในสำนักงาน และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากยานพาหนะ ซึ่งบริษัทฯ ได้กำหนดขอบเขตการใช้ทรัพยากร พลังงาน ที่สร้างปฏิกิริยาในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามรายละเอียด ดังนี้

ก๊าซเรือนกระจกทางตรง ขอบเขตที่ 1 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีการเผาไหม้เคลื่อนที่ โดยคำนวณจากการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่มาจากปริมาณการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในยานพาหนะที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 8 คัน รวมถึงสารทำความเย็น ถังดับเพลิงที่ติดตั้งในสำนักงานตามจุดต่าง ๆ

ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขตที่ 2 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากไฟฟ้าจากภายนอกเข้ามาใช้ภายในบริษัทฯ โดยคำนวณจากปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ครอบคลุมสำนักงานใหญ่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และสำนักงานขายที่เปิดบริการในปี 2566 จำนวน 40 แห่ง

ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขตที่ 3 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการใช้น้ำประปา กระดาษ ภายในสำนักงานใหญ่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึง น้ำมันรถพนักงาน ตลอดทั้งปี 2566 รวมถึงการใช้ไฟฟ้าของผู้เช่าสำนักงานแบริ่ง

ในปี 2566 บริษัทฯ มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง 73 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ร้อยละ 1.17 และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม 6,162 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ร้อยละ 98.83 รวม 6,235 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยผู้ทวนสอบ คือ บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

ก๊าซเรือนกระจกทางตรง ขอบเขต 1 ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขต 2 ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขต 3
73 5,138 1,024
รวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก = 6,235 ตันคาร์บอนไดออกไซด์

"ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ระหว่างการดำเนินการทวนสอบโดย บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด"

โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีนโยบายและแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ขอบเขต ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดน้อยลงที่สุด ร้อยละ 10 จากปีฐาน

โครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นำร่องเปลี่ยนยานพาหนะที่ใช้ภายในบริษัทฯ จำนวน 1 คัน เป็นแบบ EV CAR ไฟฟ้า 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการใช้น้ำมัน ลดการก่อก๊าซพิษ และลดมลพิษทางเสียง คิดเป็นร้อยละ 0.125 ของจำนวนรถทั้งหมด

ติดตั้ง EV charger 100% ภายในส่วนกลางของโครงการคอนโดมิเนียม เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง หันมาใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่บริษัทฯ ใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานขององค์กร รวมถึงให้ความสำคัญกับการเลือกใช้คู่ค้า ผู้รับเหมาที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2566 บริษัทฯ ได้ทำการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานที่ให้การรับรอง หรือมีฉลากที่ให้การรับรองว่าเป็นสินค้าบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงานใช้ในโครงการ อาทิ

ตัวอย่างวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่นำมาใช้ในปี 2566

  1. กระเบื้องเซรามิก นำมาใช้ทำพื้นห้องน้ำภายในโครงการ ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน (Circularity) โดย ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต อย่างน้อยร้อยละ 25 ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี (Well-Being) โดย ปราศจากสารอินทรีย์ระเหย (VOC)
  2. insee wall เบากว่าอิฐมอญถึง 2 เท่า ช่วยให้ประหยัดโครงสร้างลงได้ กันเสียงได้ดี มีความแข็งแรง เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ 6 เท่า คอนกรีตมวลเบาแบบมีฟองอากาศอบไอน้ำ ชั้นคุณภาพ 4 ชนิด 0.7 จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือ ทําจากวัสดุรีไซเคิล และปราศจากสารพิษ
  3. ฉนวนกันความร้อน (Stay Cool) ลดความร้อนได้ถึง 3-4 องศาเซลเซียส ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ประหยัดได้ถึง 47% ได้รับฉลากเขียวและSCG GREEN CHOICE มีความปลอดภัยได้รับการรับรองจาก IARC องค์การอนามัยโลก

ซึ่งในปี 2566 ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการสั่งซื้อสินค้าและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดยได้ทำนโยบายร่วมกับคู่ค้าและผู้รับเหมาในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นฉลากเขียว หรือได้รับการรับรองคุณภาพว่าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ทางบริษัทฯ มีการสั่งซื้อวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประมาณ ร้อยละ 4 ของการใช้วัสดุทั้งหมด

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้กำหนดแผนงานเพื่อเลือกใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยใน ปี 2567 กำหนดให้มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของวัสดุที่เลือกใช้ทั้งหมด

บริษัทฯ มีการควบคุมมลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝุ่นละอองจากการก่อสร้างให้เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนด รวมถึงมการใช้เครื่องมือที่ได้มาตราฐานตรวจวัด จดบันทึก รวมถึงจัดทำรายงานทุกเดือน อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองภายในโครงการและพื้นที่ข้างเคียงทุกโดยรวมรวม และรายงานผลต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ตามกรอบเวลาที่กำหนด พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งวางแผนการตรวจสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ

ในระหว่างปี บริษัทฯ ได้ทำการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมในสำนักงานและรอบสถานประกอบการเดือนละ 1 ครั้ง พบว่า ค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศ กลิ่น เสียง อยู่ในเกณฑ์ปกติตามที่กฎหมายกำหนด และ ไม่พบกรณีสารเคมีรั่วไหลจากการก่อสร้าง โดยได้มีแนวปฎิบัติภายในโครงการ ดังนี้

1.การจัดทำสเปรย์ละอองน้ำรอบโครงการ รวมถึงรั้วรอบโครงการ เพื่อช่วยลดปัญหาในเรื่องของฝุ่นละอองไม่ให้กระจายและส่งผลเสียต่อชุมชนรอบด้าน และเพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด

2. ฉีดล้างทางเข้า-ออก และพรมน้ำพื้นที่ภายในโครงการเพื่อลดฝุ่นเป็นประจำทุกวัน

3. ตรวจสภาพเครื่องจักรให้พร้อมใช้งานเพื่อไม่เกิดควันที่เป็นพิษออกสู่อากาศ

4. มีการตรวจวัดค่าควันดำ และตรวจวัดคุณภาพอากาศในทุกเดือน มีการติดตามตรวจสอบมาตรการดำเนินงานป้องกันแก้ไขผลกระทบด้านคุณภาพอากาศเป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ตามมาตรฐานจากประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนด โดยตรวจวัดฝุ่นละอองรวม (TSP), ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน(PM-10), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (THC), ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2)และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

ตัวอย่างการบันทึกรายงานการวัดค่าฝุ่นละอองภายในโครงการและพื้นที่ข้างเคียง

ตัวอย่างการบันทึกรายงานการวัดปริมาณก๊าซภายในโครงการและพื้นที่ข้างเคียง

โดยบริษัท ฯ ได้มีการติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ และสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทราบข้อมูลคุณภาพอากาศบริเวณโครงการ ได้แก่ ค่าฝุ่นละอองขนาด ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) กรณีมีแนวโน้ม ค่าความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานที่ 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์ เมตร อยู่ในระดับที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ บริษัทฯ จะเข้าควบคุมเฝ้า ระวัง ทันทีได้แก่ งานที่ใช้เครื่องจักรและยานพาหนะ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลงานขนส่งวัสดุก่อสร้าง เข้าสู่พื้นที่โครงการ งานตัด เจาะ เจียร์ขัดแต่ง ผิวคอนกรีต หรือที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองเพื่อไม่ให้เกินค่ามาตรฐานตามกฎหมายกำหนด อีกทั้งโครงการก่อสร้างในปี ทางบริษัทฯ ยังได้มีการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ไม่เกิน 0.05 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและจำนวนครั้งที่ปล่อยมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐาน เป็นศูนย์

บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการดำเนินธุรกิจอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการประเมินความเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกกระบวนการทำงาน เพื่อหาแนวทางป้องกันและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมด้านความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมทั้งมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกในพื้นที่ที่เข้าไปพัฒนาทั้งในโครงการและโดยรอบโครงการ เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน โดยดำเนินการตามนโยบายสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

บริษัทฯ ตระหนักถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้พักอาศัยในโครงการและชุมชนโดยรอบ เพื่อให้พื้นที่โครงการได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสภาพแวดล้อมและสร้างภูมิทัศน์ที่ดี จึงได้มีการคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการลดความร้อน ลดผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้พันธุ์ที่คัดเลือกยังสามารถช่วยกรองฝุ่น ดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้พื้นที่บริเวณโครงการหรือพื้นที่โดยรอบโครงการมีอากาศที่ดีขึ้นอีกด้วย

ในปี 2566 มีจำนวนพื้นที่สีเขียวใน 2,453.25 ตารางวา มีจำนวนไม้ยืนต้น 528 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 5.018 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยในปี 2567 บริษัทฯ คงมีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในโครงการสร้างใหม่ อย่างน้อย 13,000 ตร.ม. หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2566 อย่างน้อย 40%

โครงการ สัดส่วนพื้นที่สีเขียว พื้นที่
โครงการ
(ตร.วา.)
พื้นที่
สีเขียว
(ตร.วา.)
ไม้ยืนต้น
(ต้น)
Brompton Pet Friendly Samrong Station 21.36% 199 42.5 25
ORIGIN Plug & Play Ramkhamhaeng Triple Station 34.62% 1,074.50 372 66
Origin Plug&Play Ramintra 32.35% 1,625 525.75 107
SOHO Bangkok Ratchada 42.28% 628 264.25 82
The Origin E22 Station 54.27% 1,400 759.75 159
THE ORIGIN LADPRAO-BANGKAPI 355.05% 1,395 489 89
รวม 6,321.5 6,321.5 528

การบริหารจัดการรักษาสิ่งแวดล้อมในงานก่อสร้าง

บริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามหลักเกณฑ์เพื่อตอบรับนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ มีนโยบายว่าจ้างบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม วิศวกรรมโครงสร้าง และวิศวกรรมงานระบบประกอบอาคารที่มีความรู้ความสามารถในการออกแบบ ทำให้โครงการสามารถผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับมาตรการ นโยบาย และแผนงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  1. ด้านความปลอดภัยโครงการ (SAFETY PLAN) บริษัทฯ ตระหนักถึงความปลอดภัยในการดำเนินงานในทุกๆขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ ดังนั้นจึงมีการการกำหนดแผนงานที่เน้นด้านความปลอดภัยในพัฒนาโครงการตั้งแต่ขั้นตอนในการจัดเตรียมพื้นที่ก่อนการก่อสร้าง ขณะก่อสร้าง และภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยปรากฎอยู่ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ รวมถึงระบุอยู่ในสัญญาระหว่างบริษัทกับผู้รับเหมาทุกราย ในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย ทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ก่อสร้าง พื้นที่ข้างเคียง และพนักงานก่อสร้างที่จะต้องมีเครื่องมือ และอุปกรณ์ป้องกันในขณะทำงาน หรือสำหรับบุคคลภายนอกที่รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ นอกจากนี้ยังกำหนดให้ ทุกโครงการต้องมีแผนป้องกันกรณีเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตเพื่อเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
  2. ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งภายในพื้นที่โครงการและพื้นที่โดยรอบบริษัทมีการกำหนดมาตรในการดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรการเกี่ยวกับน้ำ ฝุ่นละออง และต้นไม้ สำหรับพื้นที่โครงการที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ บริษัทฯ จะทำการออกแบบโครงการให้นำเอาต้นไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ และให้ทางรุกขกรผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบและแนะนำวิธีการตกแต่ง ดูแลต้นไม้ แทนการตัดหรือโค่นต้นไม้ออกจากพื้นที่ โดยมีการนำผลการตรวจสอบมาประชุม Site Meeting ทุกสัปดาห์เพื่อหาแนวทางควบคุม แก้ไข ป้องกัน ตามหลักการดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้ข้อกำหนดของ EIA หรือมากกว่าข้อกำหนด

ข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลีกเลี่ยงการดำเนินงานที่อาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนรอบสถานประกอบการ โดยเปิดช่องทางสื่อสารและหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนได้สะดวกที่สุด บริษัทฯ ได้จัดให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดการข้อร้องเรียน ตลอดจนสื่อสารผลการจัดการข้อร้องเรียนกลับไปยังผู้ร้องเรียนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางร้องเรียน

  • Call Center : 020 300 000
  • เว็บไซต์ www.origin.co.th
  • FB : Origin Property