สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

การมีวิสัยทัศน์และการมองเห็นโอกาสที่่แตกต่าง รวมทั้งการมีศักยภาพในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในทุกๆ สถานการณ์นำไปสู่สร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในรูปแบบ “Origin Multiverse” เป็นการเติบโตแบบ“พหุจักรวาล” สร้างอีโคซิสเท็มที่ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคได้แบบครบวงจร รวมพลังกันกลับมาเป็น Multiverse of Happiness
(นายพีระพงศ์ จรูญเอก)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ภายหลังจากทั่วทั้งโลกอยู่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 มากว่า 2 ปี ในปี 2565 ที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ได้คลี่คลายจนเกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติ เริ่มมีการเปิดประเทศ ผู้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวและทำธุรกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศได้ปกติขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจต่างกลับมาดำเนินการได้ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากกับทั้งระดับมหภาคและระดับครัวเรือน กำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์เองก็มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จะเห็นได้จากยอดขายคอนโดมีเนียมที่กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดแล้ว ขณะที่ตลาดบ้านจัดสรรยังคงมีความต้องการต่อเนื่อง สำหรับออริจิ้นเองซี่งเปิดโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เนื่องจากเรามองเห็นโอกาสที่คู่แข่งชะลอการเปิดโครงการ และซัพพลายในตลาดลดลงอย่างชัดเจน รวมทั้งการที่บริษัทมีสถานะทางการเงินที่ดี มีสินค้าคงเหลือน้อย และยังมีพันธมิตรให้ความมั่นใจในการร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ออริจิ้นสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น และมีความพร้อมที่จะเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปีที่คอนโดมิเนียมจะกลับมาเติบโตอย่างชัดเจน ขณะที่การพัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2564 ส่งผลให้มีศักยภาพในการลงทุนสูงขึ้น และสามารถสร้างการเติบโตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

การมีวิสัยทัศน์และการมองเห็นโอกาสที่แตกต่าง รวมทั้งการมีศักยภาพในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในทุกๆ สถานการณ์นำไปสู่สร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในรูปแบบ “Origin Multiverse” เป็นการเติบโตแบบ“พหุจักรวาล” สร้างอีโคซิสเท็มที่ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคได้แบบครบวงจร รวมพลังกันกลับมาเป็น Multiverse of Happiness เป็นอีโคซิสเท็มที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทุกเจเนอเรชั่น และทุกจังหวะการใช้ชีวิต ส่งผลให้โครงการของออริจิ้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากขึ้น โดยภาพรวมยอดขาย (Presales) โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทตลอดทั้งปี2565 อยู่ที่ประมาณ 41,032 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 36% และยังเป็น New High ใหม่ของบริษัท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 27% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 73% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 53% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) 47% ซึ่งในปี 2565 นี้ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่า 41,000 ล้านบาท ด้านรายได้บริษัทมีรายได้รวม 15,741 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,775 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 18% และยังเป็น New High ใหม่ของบริษัท

อีกหนึ่งความสำเร็จในปีนี้ คือการผลักดัน บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก (30 พฤศจิกายน 2565) ชูจุดเด่นผู้ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยบริการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้กับลูกค้าโครงการอสังหาฯ และลูกค้ารายย่อย วางกลยุทธ์สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัย มุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับปัจจุบันและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยมีบริการที่หลากหลาย แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

  1. ธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Pre-Living Services) เช่น บริการที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง, บริการออกแบบสถาปัตยกรรม งานวิศวกรรมโครงสร้างและระบบประกอบอาคาร เป็นต้น
  2. ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Living Services) เช่น บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด หมู่บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน บริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, บริการบริหาร จัดการอสังหาฯ เพื่อเช่าระยะยาว เป็นต้น และ
  3. ธุรกิจให้บริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ (Living & Earning Services) เช่น บริการออกแบบ และตกแต่งภายในบ้าน คอนโดมิเนียม และพื้นที่ส่วนกลาง โครงการอสังหาฯ, บริการทำความสะอาดภายในที่พักอาศัยส่วนกลางโครงการอสังหาฯ อาคารสำนักงาน และโรงงาน, บริการงานช่าง และขนย้ายสิ่งของ เป็นต้น

สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Origin Infinity” สร้างการเติบโตและการดูแลผู้บริโภคแบบไม่สิ้นสุด พัฒนาเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ให้กลายเป็น Well-Being Lifetime Company หรือองค์กรที่มีธุรกิจครอบคลุมการดูแลผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต ด้วยการขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. การขยายสินค้าและบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (Nationwide Serve) ยกทัพธุรกิจในเครือกระจายสู่ต่างจังหวัดเพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น (Better Living) ให้แก่คนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
  2. การขยายจักรวาลธุรกิจใหม่ให้มีเส้นทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง (Multiverse Expansion) มุ่งพัฒนาช่วงชีวิตที่ดีขึ้น (Better Lifetime) ต่อยอด จากแผน Origin Multiverse ในปี 2565 ด้วยการขยายธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่อาศัยให้มีเส้นทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมการดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น ทุกช่วงจังหวะของชีวิต
  3. การดูแลสังคม (Social Attention) ร่วมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติเพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น (Better Society) ได้แก่ ด้านการพัฒนาบุคลากร (Talent Development) จับมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ สร้าง Origin Valley ร่วมกับสถาบันการศึกษานั้นๆ เพื่อเป็นพื้นที่พัฒนาทักษะคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความสามารถที่ตรงกับความต้องการขององค์กรและตลาดแรงงาน รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาบุคลากรในเครือ

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ที่มีมากกว่า 3,000 คน ให้พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้านการพัฒนาชุมชน (Community Development) ดำเนินโครงการ Origin Give เพื่อสร้างโอกาสและส่งมอบสิ่งดีๆ แก่ชุมชน อาทิ การมอบทุนการศึกษา การมอบอุปกรณ์การแพทย์ การลงพื้นที่พัฒนาโรงเรียน ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ร่วมเดินหน้าแผน Net-Zero Emission 2044 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ

สุดท้ายนี้ ออริจิ้น ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้ก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมาได้ และขอเป็นกำลังใจสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต บริษัทขอขอบพระคุณบรรดาผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของบริษัททุกท่าน ทั้งลูกค้า พันธมิตร คู่ค้าคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกท่าน บริษัทสัญญาว่าจะยึดถือหลักธรรมมาภิบาล เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสังคมโดยรวมต่อไป